3.12.55

เปิด 10 เมนู 'ยอดฮิต-อันตราย' หน้าร.ร.


ครูไวยุ์

เปิด10 เมนู 'ยอดฮิต-อันตราย' หน้าโรงเรียน อาหาร ‘ทอด-ปิ้ง-ย่าง’ แก้หิวแต่ไร้คุณภาพ จี้แก้ปัญหาจริงจัง-หวั่นสุขภาพเด็กแย่ลง : ศูนย์ข่าว TCIJ โดยนาฏินันท์ จันทร์ธีระวงศ์
 

     ข่าวการเสียชีวิตของเด็กหญิงชาว จ.อุดรธานี วัย 15 ปี เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2555 จากสาเหตุมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงกว่า 600 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ โดยครอบครัวระบุว่า เด็กหญิงมักดื่มน้ำอัดลมเป็นประจำ หวังว่าจะเป็นการลดน้ำหนัก โดยไม่รับประทานอาหารอย่างอื่นเลย แต่ยังคงดื่มน้ำอัดลมและดื่มน้ำเปล่า แทนการรับประทานอาหารชนิดอื่น ทำให้เกิดอาหารปวดศีรษะ อาการทรุดหนักจนเสียชีวิตในที่สุด กลายเป็นประเด็นน่าสนใจขึ้นอีกครั้ง เกี่ยวกับพฤติกรรมการบริโภคของเด็กไทย และค่านิยมลดความอ้วน เนื่องจากที่ผ่านมามีงานวิจัยหลายชิ้นระบุว่า ประเทศไทยเป็นประเทศอันดับต้น ๆ ที่มีประชากรเด็กป่วยเป็นโรคอ้วน ที่อยู่ภาวะอันตรายจำเป็นต้องได้รับการแก้ไขโดยด่วน

     แม้จะมีรายงานหลายชิ้นยืนยันตรงกัน หากกลับไปสำรวจข้อมูลการเคลื่อนไหว ต่อการแก้ไขปัญหานี้ พบว่า การแก้ปัญหายังไม่เห็นเป็นรูปธรรมเท่าใดนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งพฤติกรรมการบริโภคอาหารของเด็ก ๆ ที่ยังไม่เปลี่ยนแปลงไป เด็กไทยยังคงมีพฤติกรรมการรับประทานอาหารที่ไร้ประโยชน์อยู่เช่นเดิม ทั้งในประเภทอาหารที่ไม่มีคุณค่าทางโภชนาการ อาหารมีรสหวานจัด เค็มจัด หรือ ขนมกรุบกรอบ โดยสังเกตได้จากสินค้าที่วางขายอยู่ในร้านค้าทั้งด้านหน้าและหลังโรงเรียน ที่ยังพบขนมไร้ประโยชน์อยู่มากมาย และเมื่อสำรวจพบว่ามีถึง 10 เมนูยอดนิยม

10 เมนูอันตรายยอดนิยมหน้าโรงเรียน


 จากการสำรวจของเว็บไซต์ เด็กดีดอทคอม (www.dek-d.com) ซึ่งเป็นเว็บไซต์ยอดนิยมของเด็กนักเรียนระดับมัธยมศึกษา ที่ออกสำรวจความคิดเห็นจากเด็กนักเรียน ที่นิยมซื้อหาอาหารหน้าโรงเรียน รับประทานหลังเลิกเรียน ได้ผลน่าสนใจสอดคล้องกับผลงานวิจัย ที่สรุปให้เห็นว่า การเลือกซื้ออาหารรับประทานของเด็ก ๆ เป็นส่วนสำคัญที่ส่งผลถึงสุขภาพของเด็กไทยนั่นเอง


      อันดับที่ 1 ชานมไข่มุก ที่วางขายในราคาเพียงแก้วละ 10 บาท ภายในบรรจุเม็ดไข่มุก หรือแป้งเม็ดกลมเคี้ยวหนึบ ใส่มาในน้ำนมชาชนิดต่าง ๆ รสชาติหวานเย็น ดึงดูดเด็ก ๆ ให้ซื้อรับประทาน นับเป็นเมนูเครื่องดื่มที่มีทั้งปริมาณนมและน้ำตาลอยู่ในปริมาณมาก ที่ได้รับความนิยมมาเป็นอันดับหนึ่ง และสามารถพบบริเวณร้านค้าหน้าโรงเรียนเกือบทุกโรงเรียน

      อันดับที่ 2 ขนมโตเกียว เป็นขนมยอดฮิตที่มีมาเป็นเวลานาน และยังคงได้รับความนิยมซื้อหามารับประทานของเด็กนักเรียน เป็นอาหารที่มีเพียงแป้ง และไส้ภายในที่ใส่ไข่นกกะทา, ไข่ไก่, ไส้กรอก, หมูสับ, ไส้ครีม, เผือก หรือครีมหวาน วางขายให้เด็ก ๆ

      อันดับที่ 3 ทาโกะยากิ หรือ ขนมครกญี่ปุ่น ที่มีส่วนผสมส่วนใหญ่เป็นแป้ง ผสมกับหนวดปลาหมึก และราดด้วยมายองเนส มีผักชิ้นเล็ก ๆ ผสมอยู่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น

    อันดับที่ 4 ซูชิ ราคาประหยัด อาหารประเภทนี้ ถือว่าไม่ดูอันตรายมากนัก หากเลือกหน้าที่มีประโยชน์ และร้านที่สะอาด เป็นเมนูอันดับ 4 ที่เด็ก ๆ นิยมซื้อรับประทาน เนื่องจากมีรสชาติถูกปากแล้ว ยังเป็นอาหารง่าย ๆ ที่อิ่มท้องด้วย

ครบทุกรูปแบบ-ทอด-ปิ้ง-ย่าง-ยำ

      อันดับที่ 5 ยำบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป หรือ ที่เด็ก ๆ เรียกว่า “ยำมาม่า” นับเป็นเมนูอาหารที่ได้รับความนิยมไม่แพ้เมนูอื่น ๆ เนื่องจากมีรสชาติจัดจ้านแบบไทย ๆ แต่ถือว่าเป็นเมนูที่มีประโยชน์ทางร่างกายน้อยที่สุด เพราะนอกจากผงชูรสที่มีอยู่จำนวนมากแล้ว ร้านค้าส่วนใหญ่ยังไม่นิยมใส่ผักให้กับเด็ก ๆ ดังนั้น สิ่งที่มีในอาหารจานนี้ จึงมีเพียง แป้ง น้ำตาล และปริมาณเกลือจากน้ำปลา มีเนื้อสัตว์ประเภท หมูสับ และอาหารทะเลบางชนิดเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

      อันดับที่ 6 เครป เป็นเมนูของว่างที่ประกอบด้วยแป้งเป็นหลัก ตามด้วยไส้ที่มีให้เลือกทั้งประเภทคาวและหวาน ซึ่งจะไม่มีประโยชน์ต่อสุขภาพเท่าไหร่นัก โดยเฉพาะชนิดหวาน ที่ส่วนใหญ่ร้านค้าจะมีขนมสีสดใส ประเภท เยลลี่ วุ้น หรือเม็ดน้ำตาลสี ไว้เรียกลูกค้าด้วย



      อันดับที่ 7 ลูกชิ้นทอด-ปิ้ง  ส่วนใหญ่แม้จะขึ้นชื่อว่าลูกชิ้นที่มีส่วนผสมของเนื้อสัตว์ แต่ส่วนใหญ่แล้วลูกชิ้นหน้าโรงเรียนล้วนมีส่วนผสมที่มีแป้งเป็นหลัก มากกว่าเนื้อสัตว์ เพราะฉะนั้น คุณค่าที่เป็นโปรตีนจึงมีน้อยมาก นอกจากนี้วิธีการปรุงด้วยการปิ้ง หรือทอด ล้วนเป็นกรรมวิธีทำอาหารที่มีอันตรายอีกด้วย

    อันดับที่ 8 มันฝรั่งเกลียวกรอบ เป็นเมนูอาหารว่าง ที่มีผงปรุงรส รสชาติต่าง ๆ ทั้งรสชีส ปาปริก้า พิซซ่า โนริสาหร่าย กระเพรา ฮอตแอนด์สไปซี่ ฯล ซึ่งล้วนแล้วแต่มีส่วนผสมที่เป็นผงชูรส ที่มีอันตรายต่อสุขภาพเป็นอย่างยิ่ง และที่สำคัญเด็ก ๆ บางคนยังขอให้โรยเครื่องปรุงชนิดนี้จำนวนมากอีกด้วย

    อันดับที่ 9 ผลไม้รถเข็น แม้ว่าวัตถุดิบหลักจะเป็นผลไม้ ที่มีประโยชน์ เพราะมีวิตามินหลายชนิด แต่บางชนิดก็ต้องระมัดระวังเพราะมีการแช่ส่วนผสมอันตรายต่อสุขภาพ เช่น สี หรือส่วนผสมที่ทำให้ผลไม้กรอบ ดังนั้นต้องเลือกซื้อผลไม้ที่สดและสะอาดจะดีกว่า

      อันดับที่ 10 ขนมปังสังขยา แม้จะเป็นอาหารที่มีพิษภัยน้อย แต่ส่วนผสมส่วนใหญ่ก็เป็นเพียงคาร์โบไอเดรต และยังมีน้ำตาลสูงอีกด้วย นักเรียนระบุนิยมเพราะหาซื้อง่าย แต่ไม่รู้พิษภัย

เด็กไม่รู้ว่าอาหารหน้าโรงเรียนอันตราย

  ทั้งนี้จากข้อมูลการสำรวจดังกล่าวจะเห็นได้ว่า อาหารว่างที่เด็กนิยมซื้อรับประทานส่วนใหญ่ มักจะเป็นอาหารที่มีรสชาติค่อนข้างจัด ทั้งหวานจัด เค็มจัด และเป็นอาหารที่ใช้กรรมวิธีในการทำง่าย โดยเฉพาะอาหารชนิดทอด หรือปิ้ง ซึ่งถือเป็นกรรมวิธีที่ระบุว่า เป็นการประกอบอาหารที่อันตรายต่อสุขภาพกว่าวิธีอื่น ๆ แต่เมื่อสอบถามความคิดเห็นของเด็กนักเรียนที่นิยมซื้ออาหารเหล่านี้รับประทาน ส่วนใหญ่ได้รับคำตอบว่า ไม่ค่อยรู้ถึงพิษภัยที่จะเกิดขึ้นจากการบริโภคอาหารเหล่านี้ หรือแม้จะมีการให้ความรู้ในบทเรียนบ้าง แต่เมื่อออกมาตามร้านค้า กลับยังพบอาหารวางขายอยู่ หาซื้อได้ง่ายกว่าอาหารประเภทอื่น ๆ เด็กนักเรียนส่วนใหญ่จึงคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไรต่อสุขภาพมากนัก

    ในประเด็นนี้ น.พ.อำพล จินดาวัฒนะ เลขาธิการคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) กล่าวว่า เรื่องขนมที่นำมาขายเด็กบริเวณหน้าโรงเรียน เคยมีการพูดถึงเป็นประเด็นสำคัญในการประชุมสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 4 เมื่อปี 2554 และมีการรณรงค์และทำข้อมูลปัญหามาโดยตลอด เพราะข้อมูลระบุว่า มักจะมีการนำขนมไร้ประโยชน์ หรือ บางครั้งเป็นขนมปลอมจากชายแดน นำเข้ามาบรรจุถุงขายกระจายออกไปตามร้านค้าหน้าโรงเรียนต่าง ๆ ซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพของเด็กนักเรียนเป็นอย่างมาก นอกจากขนมปลอมแล้ว ยังมีอาหารจำพวกของหวาน ของทอด ที่เป็นอันตรายต่อเด็ก ทำให้เกิดโรคอ้วนในเด็ก และสถานการณ์กำลังน่าเป็นห่วงมากขึ้นเรื่อย ๆ หากไม่มีการรณรงค์อย่างจริงจัง

  “เตือนแล้วเตือนอีก อันตรายจากอาหารทอด ข้อมูลจากสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เตือนอันตรายของอาหารประเภทของทอดทั้ง กล้วยแขก ลูกชิ้นทอด ไก่ทอด ฯลฯ ที่มีหน้าตาน่ารับประทาน และรสชาติกรอบ อร่อย แต่แฝงด้วยอันตรายที่มองไม่เห็นของสารก่อมะเร็ง เพราะน้ำมันที่ใช้ทอดอาหารทั้งน้ำมันพืชและน้ำมันสัตว์” น.พ.อำพลกล่าว

น้ำมันทอดซ้ำตัวอันตรายที่คนมักมองข้าม

    จากรายงานการวิจัยพบว่า น้ำมันที่ผ่านการทอดซ้ำหลาย ๆ ครั้ง จะมีคุณภาพเสื่อมลง รวมทั้งสี กลิ่น และรสชาติก็จะเปลี่ยนไป นอกจากนี้จะมีความหนืดมากขึ้น ที่สำคัญจะเกิดสารประกอบที่สามารถสะสมในร่างกาย และส่งผลกระทบต่อการทำงานของเซลล์ได้ ซึ่งจากข้อมูลการศึกษาในสัตว์ทดลองพบว่า สามารถก่อให้เกิดเนื้องอกในตับ ปอด และมะเร็งเม็ดเลือดขาว ในหนูทดลอง ขณะเดียวกันยังพบสารcarsinogenesis ที่ก่อให้เกิดมะเร็งบนผิวหนังของมนุษย์อีกด้วย

   นอกจากนี้ยังส่งผลให้ตับและไตมีขนาดใหญ่ มีการสะสมไขมันในตับ การหลั่งน้ำย่อยทำลายสารพิษในกระเพาะอาหารเพิ่มขึ้น และยังมีโอกาสเกิดอนุมูลอิสระมากขึ้น จึงเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดได้

       การบริโภคเป็นประจำ อาจมีความเสี่ยงที่จะเกิดโรคต่าง ๆ ตามมา จึงควรหลีกเลี่ยงไม่ซื้ออาหารทอดที่มีกลิ่นเหม็นหืน หรือจากร้านค้าที่ใช้น้ำมันทอดซ้ำ ซึ่งจะมีลักษณะเหนียว สีดำคล้ำ ฟองมาก เหม็นไหม้ เวลาทอดมีควันขึ้นมาก แสดงว่าเป็นน้ำมันที่ใช้มานาน ทำให้เกิดควันที่อุณหภูมิต่ำลง


ด้วย  รักและปรารถนาดี จาก ครูไวยุ์


ที่มา :  http://www.komchadluek.net/


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น